04 ตุลาคม 2553

4 U กับ 4 แนวคิดพิชิตความเป็นผู้นำ

มีนักวิชาการหลายท่านให้หลักการของการเป็นผู้นำที่น่าสนใจ ผมของเป็นอีก 1 ทางเลือกสำหรับผู้ที่สนใจในการพัฒนาตัวในการก้าวเป็นผู้นำกับหลักการที่เรียกว่าหลัก 4U

- Understand
- Unity
- Ultimatum
- Upward

หลักการคราวเพื่อความเข้าใจ
- Understand เข้าใจ เกิดการรับรู้อย่างเข้าใจ
ความสำคัญของการเป็นผู้นำ อย่างหนึ่งคือ ความเข้าใจ ทุกวันนี้ปัญหาจากการทำงาน ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจ เพื่อนไม่เข้าใจเพื่อน พนักงานไม่เข้าใจหน้าที่ แต่สิ่งที่สำคัญผู้นำต้องเข้าใจธรรมชา้ติของการทำงานร่วมกันในองค์กร เข้าใจความแตกต่าง เข้าใจการเปลี่ยนแปลงและเ้ข้าใจความต้องการ ผู้นำต้องสร้างการรับรู้แบบเปิดกว้างเพื่อการทำงานกับผู้ใต้บังคับบัญชาได้อย่างมีความสุข

- Unity ความเป็นอันหนึ่งอันเดียว
ถือเป็นหน้าที่ของหัวหน้างาน หรือผู้นำ ที่ต้องสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้เกิดขึ้นภายใต้การบริหารจัดการของคุณ ถือเป็นโจทย์สำคัญที่มีปัจจัยสนับสนุนมากมายที่ผู้นำต้องศึกษา และต้องทำให้เห็นเป็นรูปธรรม

- Ultimatum คำขาด ยื่นคำขาด
การทำงานเป็นทีมเป็นเรื่องสำคัญทุกทีมงาน จำเป็นต้องมีหัวหน้างาน แน่นอนว่าการทำงานกับคนหมู่มากย่อมมีปัญหาเกิดขึ้นในเรื่องความคิดเห็น ผู้นำจึงมีหน้าที่ตัดสิน ให้แนวคิดและข้อมูลที่แตกต่างกันนั่นถูกสรุปออกมาได้อย่างตรงใจและลบปัญหา หน้าที่ในการยื่นคำขาด ดูเหมือนเป็น Negative ดังนั้นผู้นำต้องระมัดระวังที่จะนำไปใช้ หากลยุทธิ์ที่ทำให้คำุขาดที่คุณสรุปนั้นเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย และสามารถทำให้งานประสบความสำเร็จได้

- Upward เหนือขึ้นไป สูงกว่า
ผู้นำ ย่อมเป็นที่คาดหวังว่า จะมีหลักการที่สูงและมีแนวคิดใหม่ๆมาพัฒนาเสมอ ฉะนั้นผู้ที่เป็นผู้นำจำเป็นต้องพัฒนาความคิดตนให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อการพัฒนาองค์กรของคุณ ถ้าลูกน้องคิดได้ 1 คุณต้องคิดได้ 2 3 4 เพื่อให้การคิดนั้นได้รับการต่อยอดและครอบคลุมในทุกด้านความสำเร็จและทุกด้านของปัญหา

ฝากให้อ่านเ่ล่นสำหรับคนที่รักการเรียนรู้และนำไปต่อยอดแนวคิดได้ทุกกรณีครับ

นิติ
วิทยากร

20 สิงหาคม 2553

"กำลังใจ" สร้างไว้ไม่เสียหาย


"กำลังใจ" สร้างไว้ไม่เสียหาย

สิ่งธรรมดาที่อยู่ในตัวตนของมนุษย์อาจเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น แต่สิ่งนี้กลับสร้างพลังให้เราในการต่อสู่กับอุปสรรค ปัญหา รวมถึงสร้างความมุ่งมั่นให้กับมนุษย์เราเลยที่เดียว นั่นคือ "กำลังใจ"

คนบางคนมองหากำลังใจ จากเพื่อน ครอบครัว หรือคนอื่นๆ ที่อยู่รอบตัว ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ดีเสียอีกที่เรายังสามารถค้นหากำลังใจได้จากใครก็ไม่รู้ ทั้งที่เราอาจรู้จัก หรือไม่รู้จักก็ได้ หลายครั้งที่ผมได้พูดคุยกับเพื่อนหรือเครือข่าย พบว่า คนเหล่านั้นได้กำลังใจมาจากคนที่อยู่ตามท้องถนน เขาพบว่า เขามีชีวิตที่ดีกว่าคนบางคนที่นอนอยู่ข้างถนน มันทำให้เขารู้สึกว่า ชีวิตเขายังสบายกว่านั้นมาก ไม่ต่างจากเพื่อนร่วมงานอีกคนที่บอกว่า การนั่งดูทีวีในวันนี้ทำให้เขาได้เรียนรู้เรื่องราวบางอย่างทำให้เขามีกำลังใจที่จะสร้างพลังในการทำงาน หรือ การอยู่ในสังคมนี้ต่อไป

น่ายินดีมาก ที่คนที่พบรู้จักมักนำสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้ จากสังคมรอบตัว มาสร้างพลังใจภายในตัวเองจนกลายเป็น กำลังใจ ที่อยู่ภายในตนเองได้อย่างมาก นั่นเป็นสิ่งที่อยากจะบอกคุณว่า ตราบใดที่คุณยังมองเห็น ตราบใดที่คุณยังได้ยิน ตราบใดที่คุณยังสามารถสัมผัส สิ่งต่างๆได้ ผมถือว่าคุณอยู่ในสถานะของการเป็นบุคคลที่ได้เปรียบ อย่าให้สิ่งที่คุณกำลังได้เปรียบนี้ เลยผ่านไป ผมอยากให้คุณมองหาอะไรบางอย่างจากสิ่งเหล่านั้น แล้วถอดออกเป็นประเด็นที่สอนคุณได้ ตีความแล้วสร้างพลังให้กับตัวคุณ ร่วมมองหากำลังใจวันนี้แล้วคุณจะพบว่าชีวิตคุณยังเต็มไปด้วยพลังและรอยยิ้ม

by : นิติ ยอดดำเนิน

09 สิงหาคม 2553

คิดเชิงบวกเพื่อชีวิตการ ทำงาน.......ที่มีความสุข


@@ ทุกวันนี้ชีวิตการทำงานท่ามกลางความวุ่นวายทางเศรษฐกิจมันช่างไปคนละทิศทาง เพราะไม่ว่าเราจะตั้งใจทำงานแค่ไหน เงินทองที่หามาก็แทบจะไม่พอใช้ อย่างเพิ่งคิดลบกันไปครับ เพราะอย่างน้อยการที่คุณได้รู้จักตนเอง รู้ว่าตนกำลังคิดอะไรอยู่นั้นหมายถึง คุณกำลังรู้เท่านั้นความคิดของตัวเองอยู่ สิ่งที่มันจะช่วยทำให้คุณมีสติในการเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ

คิดเชิง (+) คืออะไร

การคิดเชิงบวก คือ การคิดในเชิงสร้างสรรค์ คิดในสิ่งที่ดีๆ คิดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ต่อตนเองและสังคม
ผมเองก็ไม่ได้โกหกตัวเองว่าเราไม่เคยที่จะคิดในเชิงลบ แต่ในเมื่อบทบาทหน้าที่ ทำให้เราต้องปรับสภาพความคิดให้รู้จักและคุ้นเคยกับการคิดเชิงบวก การเป็นวิทยากรเรื่องคิดเชิงบวกหลายต่อหลายครั้งทำให้สอนตัวเองได้ดีในเรื่องของการรับสภาพปัญหารอบด้าน เพราะเมื่อเรามีสติที่จะคิดเชิงบวกกับปัญหาแล้วนั้น อารมณ์ที่จะเป็นอุปสรรคต่อความคิดในแก้ปัญหาก็จะไม่มี ทุกวันนี้ยอมรับแล้วว่า “การคิดเชิงบวกส่งผลดีต่อผู้อื่นๆที่สำคัญมีผลต่อตัวเอง ทั้งทางจิตใจ หรือแม้แต่ทางกายภาพ” อย่างนี้เขาเรียกว่าไม่ลองทำก็ไมรู้
งานวิจัยหลายชิ้นระบุ ถึงภาวะสภาพจิตใจมีผลต่อทางกายภาพของบุคคล ทางการแพทย์ ผู้ป่วยได้รับบำบัดด้วยยาชนิดหนึ่งซึ่งเป็นยาบำรุงไม่ได้มีปฏิกิริยาต่ออาการเจ็บป่วยแต่อย่างใด แต่คณะแพทย์ ได้ให้ข้อมูลว่ายาชนิดนี้จะทำให้เขาดีขึ้นพร้อมกับให้กำลังใจและความมั่นใจต่อผู้ป่วย ผลการรักษาพบว่า ผู้อาการดีขึ้นจนเป็นปกติ นั่นเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าบางครั้ง การมีสุขภาพจิตที่ดีก็ส่งผลให้ร่างๆกายได้หลังสารที่เป็นประโยชน์ในการสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีอีกทางหนึ่ง
ผู้เขียนเองโชคดีที่รับรู้ว่าตนเองชอบและรักที่จะทำงานด้านไหน จึงทำให้ชีวิตการทำงานในปัจจุบันมีความสุขกับเนื้องานที่ตนเองกำลังทำ หลายคนอาจเหน็ดเหนื่อย ท้อแท้จากการทำงานนั้นเป็นเพราะว่า คุณได้พบงานที่คุณต้องการหรือยัง เพราะถ้าคุณได้พบสิ่งที่คุณชอบแล้วรับรองว่าคุณจะไม่เหน็ดเหนื่อยกับการทำงานและคุณก็จะสนุกกับทุกกิจกรรมที่ผ่านเข้ามา เคยสังเกตไหมว่าทำไมเวลาไปเที่ยวเราถึงได้สนุก ยอมที่จะตื่นแต่เช้าแบบไม่บ่นสักคำ เพราะนั้นเป็นกิจกรรมที่คุณสนุกและอยากปฏิบัติ คุณมีเป้าหมายว่า วันนี้คุณจะต้องไปท่องเที่ยวที่ไหน วางแผนไว้ชัดเจน ในทางกลับกันกับชีวิตการทำงานลองหันกลับมาถามตัวเองว่า ฉันมีเป้าหมายในการทำงานหรือยัง วางแผนชีวิตการทำงานไว้อย่างไร ??? ถ้าได้ลองคิดแล้วงานปัจจุบันที่ทำอยู่ไม่ได้นำพาไปสู่เป้าหมาย ..แนะนำให้เปลี่ยนงานด่วน - แต่ถ้ายังยืนยันว่านี่แหล่ะ คือสิ่งที่ฉันชอบ คุณก็ควรจะกำหนดเป้าหมายและทิศทางการทำงานของคุณเพื่อจะได้ดำเนินกิจกรรมการทำงานได้อย่างสนุก แบบไม่ไรแก่นสาร

นิติ ยอดดำเินิน

ข้อเสียของการทำงานเป็นทีม (คุณว่ามีไหม)

ข้อเสียของการทำงานเป็นทีม (คุณว่ามีไหม)

ช่วงตลอดปีที่ผ่านมาผมหมกหมุ่นอยู่กับหลักสูตรทำงานเป็นทีม หลายครั้งที่ผู้ร่วมอบรมมีคำถามว่า การทำงานเป็นทีมมีข้อเสียหรือไม่ผมตอบด้วยความเห็นส่วนตัวไปว่า "ไม่มี" แล้วคุณหละคิดว่าว่ามีหรือไม่ เสียงมากมายตอบผมมาว่า "มี" เพราะข้อจำกัดต่างๆ ที่เราอ้างว่าเป็นข้อเสียของการทำงานเป็นทีม ตัวอย่างเช่น

1) คนในทีมยังไม่มีศักยภาพ
2) ช่องว่างระหว่างคนในทีมยังมีมากมาย
3) มากคนมากความ คนเยอะจัดการยาก
4) ปัญหาของการวางแผน
5) ความแตกต่างของบุคคล
6) ใช้เวลานาน กว่าทำงานคนเดียว
7) มีอิทธิพลของคนในกลุ่มเกิดขึ้น

และอีกมากมายที่จะพูดถึงข้อเสีย แต่สำหรับผมแล้ว ผมยังยืนยันคำเดิมว่า การทำงานเป็นทีมไม่มีข้อเสีย แต่เมื่อไรที่คุณพบมันแสดงว่าคุณกำลังเจอข้อปรับปรุง ซึ่งผมถือว่านั้นคือ "โอกาส"  ที่คุณพบช่องทางในการพัฒนาทีมของคุณ คุณกำลังพบอุปสรรคในทีมของคุณ แต่ถ้าคุณ "ยืนยัน" ว่าต้องมีข้อเสีย ผมก็ขออ้างอีกว่า สิ่งที่คุณพูดมันเป็น "ข้ออ้าง" แล้วเพราะว่าปัญหาทุกอย่างที่คุณพูดมา มันเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ แก้ไขได้ทั้งสิ้น อย่าปล่อยให้ข้ออ้างนั้นมาทำลายคุณภาพทีมของคุณนะครับ

หรือเราอาจใช้คำว่า "ข้อจำกัด"  ในการทำงานเป็นทีมก็ได้ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ภายใต้การทำงานเป็นทีมของทีมใดทีมหนึ่ง  คุณควรออกแบบแก้ไขข้อจำกัดนั้นให้ได้จากการบริหารทีม

** ที่สำคัญข้อจำกัดที่เกิดขึ้นในบางทีม อาจจะไม่เกิดขึ้นกับบางทีมก็ได้ นั้นเป็นเพราะการบริหารจัดการทีมที่ดีนั่นเอง ***

นิติ ยอดดำเนิน
วิทยากร

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ Blog ของอาจารย์นิติ ยอดดำเนิน

การเป็นวิทยากรของผมมีแรงบันดาลใจสำคัญจาก ความรู้สึกภายในของการเป็นผู้ให้ เรื่องบางเรื่องผมเชื่อว่าหลายคนรู้จัก แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า สิ่งที่เขารู้ จะมีประโยชน์กับตัวเองและคนอื่นๆ อย่างไร ผมสร้างกำลังใจให้เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างมากและพร้อมจะส่งความปราถนาดีไปยังผู้อื่นด้วยงานของผมเอง

บทความที่ได้รับความนิยม